วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ประเทศลัตเวีย

Latvia
Riga(กรุงรีก้า)






      ริก้า เป็นเมืองหลวงของลัตเวีย มีประชากรประมาณ 800,000 คน นอกจากจะเป็นศูนย์กลางของประเทศแล้ว ยังเป็นเสมือนศูนย์กลางของรัฐบอลติกอีกด้วย เมืองริก้าถูกค้น พบในปี ค.ศ. 1201 โดยพระราชาคณะชาวเยอรมัน เนื่องจากมีชัยภูมิดี จึงได้รับเลือกให้เป็นศูนย์กลางทางการค้าระหว่างฝั่งตะวันออก และฝั่งตะวันตก ในระหว่างศตวรรษที่ 14 – 15

      ในช่วงศตวรรษที่ 17-18 พื้นที่ทางตอนเหนือของลัตเวียถูกครอบครองโดยอาณาจักรสวีเดน กรุงริก้าถือได้ว่ามีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดในสวีเดน และมีขนาดใหญ่กว่ากรุงสต๊อค โฮม ( Stockholm ) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของสวีเดนเสียอีก ต่อมาในศตวรรษที่ 19 เมื่อลัตเวียอยู่ภายใต้การปกครองของรัสเซีย กรุงริก้าเสมือนเป็นหน้าต่างสู่ตะวันตกของ อาณาจักรรัสเซีย ซึ่งถือได้ว่าเป็นเมืองที่มีความสำคัญนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

       ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ป้อมปราการและอาคารเก่าถูกทำลายประกอบกับการขยายเขตเมืองอย่างรวดเร็ว สถาปัตยกรรมรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Art Nouveau จึงเกิดขึ้น และสร้างชื่อเสียงให้แก่กรุงริก้า ในฐานะแหล่งมรดกโลกทางสถาปัตยกรรม และเขตเมืองเก่าในกรุงริก้าได้รับยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นหนึ่งในเมืองมรดกโลกอีกด้วย


Ratslaukums




     ย่านจัตุรัส Ratslaukums ในเขตเมืองหลวงเก่า ที่ปัจจุบันย่านนี้ได้เป็นมรดกโลกของยูเนสโกไปแล้ว 
ตึกสองแห่งนี้ นับเป็นสัญลักษณ์ของลัตเวีย ด้านซ้ายมือเป็นตึก Schwabe's House และตึกขวามือเป็น House of Blackheads (บ้านหัวดำ) ซึ่งบ้านหัวดำนี้ มีอยู่ในประวัติศาสตร์ว่าสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1334  (พ.ศ. 1877)  เพื่อใช้เป็นสถานที่พบปะสังสรรค์ระหว่าง พ่อค้าชายโสดที่เป็นเศรษฐีผู้มั่งคั่งและมีอิทธิพลในเมืองทั้งหลาย 

The Cat House




       บ้านนี้มีตำนาน เมื่อสักร้อยกว่าปีมาแล้ว มีพ่อค้าช่างฝีมือคนหนึ่ง สร้างตัวเองขึ้นมาจนร่ำรวย จึงต้องการที่จะเข้าสมาคมผู้ดีเก่าที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมือง แต่คงเพราะช่างฝีมือคนนี้ไม่มีสายเลือดตระกูลเก่า สมาคมผู้ดี The Great Guild  จึงไม่ยอมรับเข้าเป็นสมาชิก ก็อ้างโน่นอ้างนี่ อ้างว่าให้พ่อค้าคนนี้สร้างบ้านหลังใหญ่ๆ ในเขตเมืองเก่าให้ได้ก่อน แล้วจะรับพิจารณา พ่อค้าก็สร้างบ้านหลังเบ่อเริ่มจนสำเร็จในบริเวณที่สมาคมต้องการ แต่สุดท้ายก็ถูกปฏิเสธไม่ยอมให้เข้าสมาคมอีก พ่อค้าก็โมโหจนเลือดขึ้นหน้า ซึ่งถ้าตาแกเป็นคนปกติ แกคงเอาอึไปปาที่หน้าสมาคมแล้วหรือไม่ก็ขว้างไข่เน่าสักสามเข่งไปที่ตึกของชมรมนี้ หรืออย่างธรรมดาก็คงจ้างมือปืนไปยิงกระหน่ำบรรดาสมาชิก แต่พอดีแกเป็นคนเพี้ยน แกเลยสั่งให้สร้างรูปปั้นแมวดำสองอัน  กำลังทำท่าโค้งตัวแสดงความโมโหสุดๆ เพื่อให้ขึ้นไปสถิตอยู่บนยอดหลังคา โดยเอาก้นชี้ไปทางตึกของสมาคม The Great Guild  ที่อยู่ใกล้ๆ กัน

     พวกสมาคมผู้ดีเดินผ่านทีไร ก็อดมองไปที่ยอดหลังคา เห็นแมวกำลังทำท่าตัวงอ หางชี้ เอาก้นใส่หน้าบรรดาผู้ดีอยู่ทุกครั้ง ชวนให้จินตนการตอนต่อไป นึกถึงแมวกะลังเบ่งอึ  บรรดาผู้ดี  ก็ทนไม่ไหว  กินข้าวไม่ลงมาหลายเพลา นึกถึงแต่อึแมว จึงพร้อมใจกันลุกมากระทืบเท้าสามที แล้วก็รวมหัวกันฟ้องพ่อค้าต่อศาลยุติธรรม เพื่อให้ศาลบังคับให้พ่อค้าเอารูปปั้นแมวดำหันก้นไปทางอื่น

     พ่อค้าเศรษฐีก็ได้แก้แค้นสมใจ   ที่ได้ทำให้สมาคมผู้ดีโกรธจนกินข้าวไม่ลง ในที่สุด ก็เกิด พรบ. ปรองดอง กันจนได้ โดยพ่อค้ายินยอมที่จะย้ายก้นแมวไปทิศทางอื่นที่ไม่ใช่ตึกของ The Great Guild ส่วนทางสมาคม ก็ยินยอมให้พ่อค้าเศรษฐีเข้าร่วมเป็นสมาชิกด้วย

Livu Square




     เป็นจัตุรัสที่ใหญ่เป็นอันดับสองในกรุงรีก้า บริเวณรอบๆ จะมีร้านค้าร้านอาหารคึกคักมาก แต่ทุกอย่างก็แพงตามทำเล และสมาคมผู้ดีก็อยู่ในบริเวณจัตุรัสนี้เอง เหมือนเป็นศูนย์รวมความบันเทิงของชาวเมือง

Dome Square




     จัตุรัสโดม เป็นจัตุรัสที่ใหญ่สุดของเมืองเก่ากรุงรีกาใหญ่กว่าจัตุรัส Livu ที่มีร้านอาหารเยอะๆ เป็นจัตุรัสที่มีความสำคัญทางจิตใจของคนเมืองนี้ เพราะมีโบสถ์เก่าแก่ที่สำคัญที่สุดในเมืองตั้งอยู่  คือโบสถ์ Dome Cathedral ดังนั้นอะไรๆ ที่เป็นกิจกรรมทางศาสนา ชาวเมืองรีก้าก็จะมารวมตัวกันที่จัตุรัสแห่งนี้  



           

1 ความคิดเห็น: