วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

งาน

<?php
โค้ดเปิดการสร้างข้อมูลของโปรแกรม php

$sql ="select * from student order by id asc ";
Select  หมายถึง เลือก
* หมายถึง เลือกทุกฟิลว์จากเทเบิล student
แล้วให้เรียงข้อมูลจากฟิลว์ชื่อ id ดยให้เรียงข้อมูลแบบ asc คือ การเรียงจากน้อยไปมาก
หากต้องการเรียงจากมากไปน้อยจะต้องใช้แบบ dasc

$query=mysql_query($sql) or die(mysql_error());
คือการประมวลผลคำสั่ง sql โดยใช้ฟังก์ชัน$query
Query  หมายถึง การประมวลผล

$num=mysql_num_rows($query);
mysql_num_rows คือ การเช็คข้างบนเร็คคอทว่าจากคำสั่ง sql ด้านบนมีกี่เร็ทคอท

echo $num;
การแสดงตัวแปรนำว่าค่าเท่าไหร่

?>
เครื่องหมายโค้ดที่แสดงถึงการจบโค้ดของ php

วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

my if else

<?php
$score=77;
if($score<50){
echo 'grade 0';
}else if($score < 56){
echo 'grade 1';
}else if($score < 60){
echo 'grade 1.5';
}else if($score < 66){
echo 'grade 2';
}else if($score < 70){
echo 'grade 2.5';
}else if($score < 76){
echo 'grade 3';
}else if($score < 80){
echo 'grade 3.5';
}else if($score < 86){
echo 'grade 4';
}else if($score < 90){
?>     

วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2556

ประเทศแคนาดา


Canada



ที่ตั้ง - ทิศเหนือ จรดมหาสมุทรอาร์กติก / ทิศใต้ จรดประเทศสหรัฐอเมริกา / ทิศตะวันออก จรดมหาสมุทรแอตแลนติก / ทิศตะวันตก จรด มหาสมุทรแปซิฟิก และมลรัฐอะแลสกา 
พื้นที่ - 9,976,140 ตารางกิโลเมตร ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก
เมืองหลวง - กรุงออตตาวา Ottawa
เมืองสำคัญ - โทรอนโต Toronto / มอนทรีออล Montreal / แวนคูเวอร์ Vancouver / ควิเบก ซิตี้ Quebec City / แฮลิแฟ็กซ์ Halifax / วินนิเป็ก Winnipeg / เอ็ดมันตัน Edmonton
ภูมิอากาศ - ภาคพื้นทวีป ( มีหิมะในฤดูหนาว และอบอุ่นในฤดูร้อน)
ประชากร - 31.7 ล้านคน ( ประมาณการปี 2546) 
ภาษา - อังกฤษและฝรั่งเศส
ศาสนา - โรมันคาธอลิก ( ร้อยละ 42), โปรแตสแตนท์ ( ร้อยละ 40) , อิสเทอร์นออโธดอกซ์ และยิว ( ร้อยละ 18) 
อิสลามและพุทธศาสนามีอัตราเพิ่มค่อนข้างรวดเร็ว เนื่องจากนโยบายการรับคนนอกประเทศมาตั้งถิ่นฐาน
หน่วยเงินตรา - แคนาเดียนดอลลาร์ (1 CND ประมาณ 31.62 บาท) ข้อมูล เมษายน 2551 
สังคม - สังคมของแคนาดาเป็นสังคมที่มีส่วนผสมของชนชาติต่างๆ มากมาย โดยชนชาติที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานมากที่สุด ระหว่างปี ค. ศ. 1991-2000 คือคนจากเอเชีย ( จีน อินเดีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ อิหร่าน) ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 59.5 ของคนเข้าเมืองเพื่อตั้งถิ่นฐานในแคนาดา ค่านิยมหลักของสังคมแคนาดาที่ฝังลึกในทุกคนคือการส่งเสริม และเคารพในสิทธิและเสรีภาพของมนุษย์ ซึ่งเป็นหลักพื้นฐานสำคัญที่สุดของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย 

Cn Tower



ซีเอ็นทาวเวอร์ (อังกฤษ: CN Tower) ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองโตรอนโต รัฐออนแทริโอ ประเทศแคนาดา เป็นหอคอยสื่อสารและสังเกตการณ์ สูง 553 เมตร (1,815 ฟุต) เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1973 และมีความสูงมากกว่าหอคอยออสตานกิโนในมอสโก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1975 ทั้งที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ ซีเอ็นทาวเวอร์ได้รับการบันทึกว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีความสูงที่สุดในโลกเป็นเวลาถึง 31 ปี จนถึงวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2007 จึงถูกแทนที่ด้วยอาคารเบิร์จคาลิฟา (ขณะนั้นใช้ชื่อ เบิร์จดูไบ)

ชื่ออาคาร ซีเอ็น ย่อมาจาก "Canadian National Railway" เป็นกิจการรถไฟที่เป็นเจ้าของโครงการก่อสร้างในระยะแรก แต่ในปัจจุบัน นิยมอ้างอิงว่า ซีเอ็น หมายถึง "หอคอยแห่งชาติแคนาดา" (Canada's National Tower) ตัวหอคอยมีภัตตาคารอยู่ที่ชั้นความสูง 1,136 ฟุต และจุดชมทิวทัศน์ที่ความสูง 1,465 ฟุต
ปัจจุบัน ซีเอ็นทาวเวอร์เป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดเป็นอันดับสามในโลก รองจากเบิร์จคาลิฟาและหอคอยกว่างโจว แต่ยังครองสถิติสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในซีกโลกตะวันตก

Capilano canyon



สะพานแขวนคาปิลาโน (Capilano canyon)  สะพานไม้แขวนที่ยาวที่สุดของแคนาดา
ใกล้ๆกับอุทยานสแตนลี่ยังมี สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจใกล้ๆ กันอีก คือบริเวณอ่าวอังกฤษ หรือ English Bay ซึ่งหากใครมีเวลา ขอแนะนำว่าให้แวะไปชื่นชมบรรยากาศของทะเลทั้งชายหาดและสภาพแวดล้อมที่งดงามกันได้ และอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรพลาดไปเที่ยวชมก็คือ สะพานแขวนคาปิลาโน สะพานไม้เก่าแก่อายุ 200 กว่าปี และเป็นสะพานไม้แขวนที่ยาวที่สุดของแคนาดา มีความยาวถึง 230 ฟุตทอดข้ามเหวลึก เดินข้ามแล้วตื่นเต้นน่าดู

Royal Ontario Museum


โรยัลออนทาริโอมิวเซี่ยม (Royal Ontario Museum) ตั้งอยู่ในกรุงโทรอนโต ประเทศแคนาดา เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญสำหรับอารยธรรมโลกและประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าในทวีปอเมริกาเหนือ และใหญ่ที่สุดในแคนาดา มีสิ่งของที่แสดงกว่าหกล้านชิ้น ที่มีชื่อเสียงและนิยมดูกันก็เช่น ไดโนเสาร์ ศิลปกรรมของโลก ไม่ว่าจะเป็นของอัฟริกา เอเชีย หรือยุโรป รวมทั้งประวัติศาสตร์ของแคนาดา เป็นต้น รวมทั้งมีศูนย์วิจัยที่ใหญ่ที่สุดของประเทศแคนาดาเช่นกัน

Spotted Lake

ทะเลสาบสปอท เลค (Spotted Lake) “สปอท เลค” ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่มีแร่ธาตุชนิดต่างๆ อาทิ แมกนีเซียม ซัลเฟต, แคลเซียม และโซเดียม ซัลเฟต ในปริมาณเข้มข้นมากที่สุดในโลก แต่น่าเสียดายที่ทะเลสาบแห่งนี้อยู่ในที่ดินของเอกชน นักท่องเที่ยวจึงทำได้แค่มองจากราวรั้วกั้นริมถนนเท่านั้น (ส่วนที่เป็นจุดๆ คือน้ำ นอกนั้นเป็นส่วนของแร่ธาตุนานาชนิด ที่สามารถลงไปเดินสำรวจได้)

Nahanni National Park


อุทยานแห่งชาตินาฮานนี (อังกฤษ: Nahanni National Park) ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเทือกเขาแมกเคนซี อยู่ในเขตนอร์ธเวสต์ เทอร์ริทอรี ประเทศแคนาดา มีเนื้อที่ 4,765 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นหินปูนเป็นเนินสูงต่ำ มีถ้ำและน้ำพุร้อน อุทยานแห่งนี้ได้รับประกาศเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1976


Canada Place


แคนาดาเพลส เป็น สถานที่สำคัญที่ถ้ามาเที่ยวแวนคูเวอร์แล้วต้องไม่พลาดการมาเที่ยวชมที่นี่ และยังมีความหมายที่เกี่ยวข้องกับเรือใบขนาดใหญ่ แคนาดาเพลสเริ่มก่อสร้างขึ้นในปี 1983 และเสร็จในปลายปี 1985 และได้รับการเปิดงานเอ็กซ์โป 86 ในโอกาสครบรอบศตวรรษของแวนคูเวอร์ อาคารหลังนี้ตั้งเด่นเป็นสง่า มียอดโดมเหมือนกาบหอยเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงสถานที่และชาวเมือง และยังมีความหมายที่เกี่ยวข้องกับเรือใบขนาดใหญ่ ซึ่งภายในแคนาดาเพลสมีห้องประชุมขนาดใหญ่ที่สามารถจุคนได้เป็นจำนวนมาก สามารถใช้เป็นที่จัดงานใหญ่ๆ ได้อย่างสบายๆ

Getaway Gastown


แกสทาวน์ (Getaway Gastown) ย่านชุมชนแรกของ แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา เรียกว่า แก๊สทาวน์ ซึ่งบุกเบิกโดย GASS JACK DEIGHTON ผู้ริเริ่มการเปิดผับขายเบียร์ จนกลายเป็นที่นิยมกันอย่างมากของชุมชนแก็สทาวน์ ที่นี่เป็นย่านธุรกิจการค้าที่สำคัญของเมืองมาตั้งแต่ในอดีต ซึ่งจะสังเกตเห็นตึกรามบ้านช่องที่ยังคงสภาพตึกเก่าอันงดงามให้ได้ชม และยังมีร้านรวงขายสินค้าเก่าๆ ในรูปแบบเดิมๆ ที่ดูแล้วสวยงามเช่นกัน

และที่ย่านแกสทาวน์ ยังมี นาฬิกาไอน้ำ (Gastown Steam Clock) เรือนแรกของโลก ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหัวมุมถนน เมื่อถึงเวลาจะส่งเสียงหวูด พร้อมกับพ่นไอน้ำออกมาบอกเวลาที่เที่ยงตรง ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันนี้ย่านธุรกิจสำคัญของแวนคูเวอร์จะขยับออกไปยังแหล่งอื่น แล้ว แต่ย่านแกสทาวน์แห่งนี้ ก็ยังคงได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากมาย เพราะมีร้านค้าที่ขายของที่ระลึกมากมายให้ได้เลือกซื้อหาเป็นของฝาก

CREDIT :  http://www.dek-d.com/board/view/2201638/

http://www.abroad-tour.com/canada/


ประเทศอังกฤษ

England
London



พรมแดน  ติดกับสก็อตแลนด์ และ เวลส์
ภูมิประเทศ  พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบต่ำ มีภูเขาทางตอนเหนือ และ ตะวันตกเป็นเส้นแนวแบ่งเขตแคว้น
ภาษาที่ใช้  ภาษาอังกฤษ
ระบบการปกครอง ใช้ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา โดยพระมหากษัตริย์เป็นประมุข(ปัจจุบันคือ พระบรมราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 ค่ะ)
เมืองหลวง  ลอนดอน (London)
สกุลเงิน  ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP) โดย 1 ปอนด์ = ประมาณ 50 บาท
ประชากร  ประมาณ 50,431,700 คน
รหัสโทรศัพท์  44
เวลา  สหราชอาณาจักรเป็นที่ตั้งของเส้นแบ่งเขตเวลาของโลก (GMT - Greenwich Mean Time) ดังนั้นประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของ GMT นี้ จึงมีเวลาที่เร็วกว่าที่นั่นประมาณ 6 ชั่วโมง แต่จะมีการปรับเวลาให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมง (Day Light Saving) ในช่วงฤดูร้อนเริ่มประมาณเดือนมีนาคม ถึงปลายตุลาคม

1.Bigben


หอเอลิซาเบธ (Elizabeth Tower) (ก่อนหน้านี้เรียกว่า หอนาฬิกาพระราชวังเวสต์มินเตอร์ (Clock Tower, Palace of Westminster)) หรือรู้จักดีในชื่อ บิ๊กเบนเป็นหอนาฬิกาประจำพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ ซึ่งในปัจจุบันใช้เป็นรัฐสภาอังกฤษ ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวัง หอนาฬิกานี้ถูกสร้างหลังจากไฟไหม้พระราชวังเวสต์มินสเตอร์เดิม เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2377 โดยชาลส์ แบร์รี เป็นผู้ออกแบบ หอนาฬิกามีความสูง 96.3 เมตร โดยที่ตัวนาฬิกาอยู่สูงจากพื้น 55 เมตร ตัวอาคารสร้างด้วยสถาปัตยกรรมสมัยสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย (victorian gothic) ชื่อหอเอลิซาเบธตั้งขึ้นเพื่อฉลองพระราชพิธีพัชราภิเษก หรือพระราชพิธีมหามงคลฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง

2.London eye


ลอนดอนอาย (อังกฤษ: London Eye) หรือยังรู้จักในชื่อ มิลเลเนียมวีล (อังกฤษ: Millennium Wheel) เป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป มีความสูง 135 เมตร (443 ฟุต) และกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมและเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างมากในสหราชอาณาจักร มีผู้มาเยือนมากกว่า 3 ล้านคนต่อปี ส่วนบัตรเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่อยู่ที่ 15 ปอนด์ต่อคน ซึ่งในอดีตเคยเป็นชิงช้าสวรรค์ก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลก ก่อนจะถูกชิงตำแหน่งไปจากชิงช้าสวรรค์เดอะ สตาร์ ออฟ นานชาง ในประเทศจีน (160 เมตร) ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2006 ต่อมาภายหลังตำแหน่งตกเป็นของ สิงคโปร์ ฟลายเออร์ ในประเทศสิงคโปร์(165 เมตร) ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 อย่างไรก็ตาม ลอนดอน อาย ก็ยังคงได้รับตำแหน่งจากการให้บริการว่า "ชิงช้าสวรรค์ที่ก่อสร้างด้วยโครงเหล็กค้ำข้างเดียวที่สูงที่สุดในโลก" (เพราะการโครงสร้างทั้งหมดใช้โครงค้ำเหล็กรูปตัว A ในการให้บริการโดยใช้โครงค้ำเพียงแค่ด้านเดียวเท่านั้นไม่เหมือนชิงช้าสวรรค์อื่นๆ ทั่วไป ที่มีโครงค้ำสองข้าง)
ลอนดอนอาย ตั้งอยู่ ณ ที่ฝั่งสุดด้านตะวันตกของสวนจูบิลี่ บนริมฝั่งทางใต้ของแม่น้ำเทมส์ ในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ตั้งอยู่ระหว่างสะพานเวสต์มินสเตอร์กับสะพานฮันเกอร์ฟอร์ด โดยสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของโดมแห่งการค้นพบ ที่เคยสร้างขึ้นเพื่อใช้ในงานนิทรรศการเฟสติวัล ออฟ บริเตน ในปี ค.ศ. 1951

3.Tower Bridge


สะพานทาวเวอร์ (Tower Bridge)สร้างขึ้นในปี 1894 เพื่อการสัญจรข้ามแม่น้ำเทมส์ ลักษณะสะพานโดดเด่นฐานสะพาน 2 ฟากฝั่งน้ำที่สร้างเป็นหอสูง 2 หอ ที่ระดับความสูง 66 เมตร ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งหนึ่งของลอนดอน
        สะพานทาวเวอร์ ตั้งอยู่ข้างหอคอยลอนดอน สร้างด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์วิกตอเรียนโกธิกใช้เวลาสร้าง 8 ปี เป็นสะพานแบบเปิด-ปิด ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เดิมทีสะพานทาวเวอร์ใช้พลังไอน้ำเป็นพลังงานขับดันปั๊มเพื่อให้ไฮดรอลิกยกเปิด-ปิดได้ จนมาในปี ค.ศ.1976 สะพานทาวเวอร์ได้เปลี่ยนมาใช้พลังงานจากน้ำมันและไฟฟ้าในการเปิด-ปิดแทนไอน้ำ
       สะพานแห่งนี้ปัจจุบัน จัดทำทางเชื่อมต่อระหว่างหอคอยเป็นพิพิธภัณฑ์ และสถานที่จัดนิทรรศการ เกี่ยวกับประเทศอังกฤษ รวมถึงจัดแสดงห้องอบไอน้ำสมัยวิกตอเรียน โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมเรื่องราวความเป็นมาภายใน พร้อมชมวิวทั้งเห็นทัศนียภาพลอนดอนอย่างชัดเจน



4.Horrods




แฮร์รอดส์ (อังกฤษ: Harrods) เป็นห้างสรรพสินค้าหรูหราบนถนนบรอมพ์ตันในเขตไนท์สบริดจ์ ลอนดอน สหราชอาณาจักร ตราแฮร์รอดส์ยังนำไปใช้กับวิสาหกิจอื่นๆ ที่ดำเนินงานโดยกลุ่มบริษัทแฮร์รอดส์ รวมถึงธนาคารแฮร์รอดส์ แฮร์รอดส์เอสเตทส์ แฮร์รอดส์เอเวียชัน และแอร์แฮร์รอดส์
ห้างตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 18,000 ตารางเมตร มีพื้นที่จำหน่ายสินค้ากว่า 90,000 ตารางเมตรในร้านค้ากว่า 330 ร้าน ห้างเซลฟริดจ์สบนถนนออกซ์ฟอร์ดซึ่งเป็นห้างที่ใหญ่เป็นอันดับสองในสหราชอาณาจักร มีขนาดมากกว่าครึ่งหนึ่งของแฮร์รอดส์เล็กน้อย โดยมีพื้นที่จำหน่ายสินค้า 50,000 ตารางเมตร

คติพจน์ของแฮร์รอดส์คือ Omnia Omnibus Ubique - ทุกสิ่งสำหรับทุกคนในทุกแห่ง ร้านค้าหลายร้านภายในห้างมีชื่อเสียงระดับโลก รวมถึงแผนกคริสต์มาสตามเทศกาลและศูนย์อาหาร

5.Oxford Street

Oxford Streetเป็นหลักทางสัญจรในCity of Westminsterในเวสต์เอนของลอนดอน , สหราชอาณาจักร มันเป็นที่คึกคักที่สุดของยุโรปแหล่งช้อปปิ้ง และในปี 2011 มีประมาณ 300 ร้านค้า แต่เดิมเป็นส่วนหนึ่งของถนน ระหว่าง London – Oxford ซึ่งเริ่มที่ Newgate และเป็นที่รู้จักกันในนาม Oxford Road วันนี้มันเป็นส่วนหนึ่งของถนน A40
Oxford Street เป็นบ้านของห้างสรรพสินค้าใหญ่และร้านค้าหลายร้อยร้านค้าขนาดเล็กมันเป็นถนนช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดภายใน ใจกลาง ลอนดอน ถึงแม้ว่าจะไม่จำเป็นต้องราคาแพงที่สุดหรือแฟชั่นที่สุด แต่ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือแหล่งย่านช้อปปิ้งขนาดใหญ่ โดยมีRegent Street,Bond Street เป็นถนนเล็ก ๆ ที่เชื่อมกับ Oxford Street ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าด้วยเช่นกัน

6.Stonehenge


สโตนเฮนจ์ (อังกฤษ: Stonehenge) เป็นกลุ่มแท่งหินขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางทุ่งราบกว้างใหญ่บนที่ราบซอลส์บรี (Salisbury Plain) ในบริเวณตอนใต้ของเกาะอังกฤษ ประกอบไปด้วยแท่งหินขนาดยักษ์ 112 ก้อน ตั้งเรียงกันเป็นวงกลมซ้อนกัน 3 วง แท่งหินบางอันตั้งขึ้น บางอันวางนอนลง และบางอันก็ถูกวางซ้อนอยู่ข้างบน
นักโบราณคดีเชื่อว่ากลุ่มกองหินนี้ถูกสร้างขึ้นจากที่ไหนสักแห่งเมื่อประมาณ 3000–2000 ปีก่อนคริสตกาล กล่าวคือ การหาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสีเมื่อ พ.ศ. 2551 เผยให้เห็นว่าหินก้อนแรกถูกวางตั้งเมื่อประมาณ 2400–2200 ปีก่อนคริสตกาล  ในขณะที่ทฤษฎีอื่น ๆ ระบุว่ากลุ่มหินที่ถูกวางตั้งมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นถึง 3000 ปีก่อนคริสตกาล
นักวิทยาศาสตร์และนักประวัติศาสตร์ต่างสงสัยว่า คนในสมัยก่อนสามารถยกแท่งหินที่มีน้ำหนักกว่า 30 ตัน ขึ้นไปวางเรียงกันได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่ปราศจากเครื่องทุ่นแรงอย่างที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน และบริเวณที่ราบดังกล่าวไม่มีก้อนหินขนาดมหึมานี้ ดังนั้นจึงสันนิษฐานว่าผู้สร้างต้องทำการชักลากแท่งหินยักษ์ทั้งหมดมาจากที่อื่น ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจาก "ทุ่งมาร์ลโบโร" ที่อยู่ไกลออกไปประมาณ 40 กิโลเมตร
สโตนเฮนจ์มีชื่อเสียงอย่างมากในฐานะที่เป็นกลุ่มหินประหลาดซึ่งไม่มีใครทราบวัตถุประสงค์ในการสร้างอย่างชัดเจน มีการสันนิษฐานหลายประเด็นแตกต่างกันไป แต่ประเด็นที่ดูจะได้รับความเชื่อถือมากที่สุดคือ เป็นสัญลักษณ์ถึงอวัยวะเพศหญิง เป็นสถานที่สำหรับการทำพิธีกรรมทางศาสนาของชนกลุ่มที่นับถือลัทธิดรูอิด รองลงมาคือความเชื่อที่ระบุว่า เป็นการสร้างเพื่อหวังผลทางดาราศาสตร์ ใช้ในการสังเกตปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า เช่นสุริยุปราคา เป็นต้น

สโตนเฮนจ์ได้ถูกจัดให้เป็นเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางอีกด้วย



วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ประเทศโรมาเนีย

Romania




       บูคาเรสต์ (อังกฤษ: Bucharest; โรมาเนีย: Bucuresti) เป็นเมืองหลวง เมืองอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศโรมาเนีย เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของโรมาเนีย ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ และตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแดมโบวิตา เมืองบูคาเรสต์มีระบุไว้ในเอกสารมาตั้งแต่ปี 1459 จากนั้นก็หายไปอันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง จนกลายมาเป็นเมืองหลวงของโรมาเนียในปี 1862เป็นเมืองมีจุดแข็งในเรื่องของศูนย์กลางของสื่อมวลชนโรมาเนียวัฒนธรรมและศิลปะมีสถาปัตยกรรมหลายรูปแบบที่รวมสถาปัตยกรรมประวัติศาสตร์,สถาปัตยกรรมหลังสงคราม,เป็นต้น ความงามด้านสถาปัตยกรรมของเมืองทำให้เมืองมีชื่อเล่นว่า "ปารีสน้อยแห่งตะวันออก" (Micul Paris) และถึงแม้อาคารหลายหลังและเขตในศูนย์กลางประวัติศาสตร์จะถูกทำลายในช่วงสงครามหรือแผ่นดินไหว รวมถึงโครงการปรับปรุงโครงสร้างเมืองของนิโคไล เชาเชสกู แต่ก็มีอาคารสวยงามหลงเหลืออยู่ ในปีหลัง ๆ เมืองมีความรุ่งเรืองด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรม จากข้อมูลเมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2009 บูคาเรสต์มีประชากรอยู่ราว 1,944,367คนเขตเมืองขยายเกินไปมากทำให้ปัจจุบันเมืองบูคาเรสต์และมีประชากรอยู่ 2 ล้านคน บูคาเรสต์เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 6 ของสหภาพยุโรป นับจากจำนวนประชากรในเขตจำกัดเมือง 
         ในด้านเศรษฐกิจ ถือเป็นเมืองที่เจริญมั่งคั่งที่สุดในประเทศโรมาเนีย และเป็นหนึ่งในศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมและการขนส่งของยุโรปตะวันออก เป็นเมืองหนึ่งที่ร่ำรวยที่สุดในโรมาเนีย เป็นเมืองที่ครอบคลุมสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการประชุม การศึกษา งานทางด้านวัฒนธรรม ช็อปปิ้งอาเขต และบริเวณสันทนาการ


Brasov,Strada Sforii
 


          หากมาถึงราซอฟแล้วไม่ได้พาตัวเองไปที่ถนน Sforii ว่ากันว่าเท่ากับมาไม่ถึงบราซอฟ ถนนสายนี้นอกจากจะแคบที่สุดในโรมาเนียแล้ว ยังได้ชื่อว่าเป็นถนนสายที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศอีกด้วย เพราะสร้างมานานกว่าพันปีแล้ว ในวันนี้สองข้างทางของถนน Sforii เต็มไปด้วยแกลเลอรี่ศิลปะที่น่าชมมากมาย ย่านนี้ยังถือเป็นย่านที่ศิลปินชาวบราซอฟมักออกมาประชันฝีมือกันอยู่เสมอ การมาชมความงามของถนนสายนี้จึงน่าจะเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมการเดินทาง เพื่อให้ได้ชื่อว่าได้มาถึงบราซอฟแล้วจริง ๆ

Peles Castle



       ปราสาทเปเลส  ตั้งอยู่ในหุบเขาบูเซกิ กลางป่าสน บนเทือกเขาคาร์เปเทียน ถือเป็นปราสาทที่สวยงามโดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่ง  ในยุโรปตะวันออก  ตัวอาคารจะมีการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมหลากหลายสไตล์ แต่ดูเหมือนปราสาทแห่งนี้จะได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมแบบเรอเนสซองส์ของประเทศเยอรมนีมากที่สุด ภายในปราสาทตกแต่งอย่างหรูหราอลังการ มีการใช้ไม้แกะสลักงดงามอยู่มากมาย เป็นปราสาทที่รวบรวมงานศิลปะจากประเทศต่าง ๆ ในยุโรป  สร้างขึ้นโดยเจ้าชายคาลอสที่ 1 กษัตริย์แห่งโรมาเนีย ในสมัยศตวรรษที่ 19 เพื่อใช้เป็นที่ประทับในฤดูร้อน มีการตกแต่งภายในอย่างหรูหรางดงาม อาทิ ห้องตุรกี ที่สร้างไว้เพื่อรับรอง แขกบ้านแขกเมือง ที่มาจาก ตุรกี ในสมัย ออตโตมัน อีกหนึ่งความปราณีตของปราสาทเปเลส  ภายในปราสาทจะมีห้องต่างๆ มากถึง 168 ห้อง แต่คงมีเพียง 35 ห้องเท่านั้น ที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชมด้านนอก จะมีรูปปั้น คนสำคัญ วางไว้เป็นระยะ รวมถึงรูปปั้นของเจ้าชายคาลอสผู้สร้างปราสาท


Bran Castle




      ปราสาทบราน หรือ ปราสาทแดร็กคิวล่า ปราสาทนี้ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 ตั้งอยู่บนภูเขาเพื่อเป็นที่ป้องกันระหว่างชายแดนแคว้นวอลลัคเทียและทรานซิลวาเนีย

      ปราสาทบรานเป็นปราสาทหินทาสีขาวหม่นสูง 200 ฟุต ตั้งอยู่บนผาหินสูงจนสามารถมองเห็นเมืองบรานได้ทั้งเมือง มีหอคอย มีห้องหลายห้อง ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก

      ส่วนที่ปราสาทแห่งนี้โด่งดังในฐานะที่พักของแดร็กคูล่านั้น ก็เป็นเพราะหนังสือ Dracula ของนักเขียนชาวไอริชที่ชื่อ Bram Stoker ที่ใช้ปราสาทบรานแห่งนี้เป็นฉากของนวนิยาย และต่อมาฮอลลีวู้ดได้นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ทำให้ชื่อเสียงของแดร็กคูล่า ค้างคาวผีดูดเลือดที่นอนช่วงกลางวันในโลงหิน บนปราสาททรงสูง และเที่ยวออกล่าเหยื่อในตอนกลางคืนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

      แต่เจ้าชาย วแลด เทเปส (Vlad Tepes)ผู้เคยครอบครองปราสาทเห็นนี้ ไม่ได้เป็นค้างคาวผีที่ออกล่ามนุษย์เพื่อดูดเลือด แต่เป็นนักรบที่เก่งกาจ ดุร้าย เหี้ยมโหด และกระหายสงคราม จนเป็นที่เลื่องลือว่ากระหายเลือดกิตติศัพท์ความโหดร้ายของเจ้าชายมาจากพฤติกรรมแปลกๆ ของพระองค์ เช่น เมื่อจับศัตรูได้จะทรมานศัตรูด้วยการจับใส่ลงไปในหม้อน้ำมันที่ตั้งไฟจนเดือดบ้างเผาทั้งเป็นบ้าง 
และวิธีทรมานศัตรูที่เหี้ยมโหดที่สุดก็คือ เอาไม้หลาวเสียบที่ก้นของศัตรูทะลุไปจนถึงไหล่ แล้วปักไม้เสียบศัตรูไว้ที่หน้าปราสาทจนกว่าจะตายคาไม้หลาว นอกจากนั้นเจ้าชายยังชอบกินอาหารที่เป็นเนื้อสดๆ และกินต่อหน้าศัตรูที่ดิ้นรน กระเสือกกระสนด้วยความเจ็บปวดทรมานบนไม้หลาวนั้นอีกด้วย

      แต่กระนั้นปัจจุบันเพราะชื่อเสียงของแดร๊กคูล่านี่แลหะที่นำเงินมหาศาลจากการเที่ยวชมปราสาทมาให้คนโรมาเนีย และปราสาทบารนก็ยังถือว่าเป็นปราสาทที่สมบูรณ์มากแห่งหนึ่ง


Black church




       โบสถ์ดำ หรือที่รู้จักในนาม "BLACK CHURCH" ที่มีชื่อเสียง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1383 ซึ่งจัดเป็นโบสถ์ที่มีศิลปะโกธิคที่ใหญ่ที่สุด สาเหตุที่เรียกว่าที่เรียกว่าโบสถ์ดำ ก็เพราะว่าลักษณะภายนอกที่ถูกไฟไหม้เมื่อปี ค.ศ.1689 ทำให้คราบดำจากเขม่าได้ไปเกาะที่ผนังโบสถ์ จนเป็นสีดำทะมึน ทางรัฐบาลประเทศโรมาเนียจึงทิ้งให้อยู่ในลักษณะนี้ เพื่อให้เป็นจุดเด่นของสถานที่แห่งนี้ ภายในโบสถ์มีพรมที่ถักทอด้วยมือของชาวเติร์กแขวนอยู่ทั่วระเบียงโดยรอบ ซึ่งทำให้มีสีจัดจ้านและสามารถช่วยทำให้โบสถ์มีสีสันสดใสขจัดความมืดภายในโบสถ์ไป และนอกจากนี้ยังมีรูปปั้นพระแม่มารีและนักบุญคนอื่นๆตั้งอยู่แทบทุกแห่ง ภายในโบสถ์


Cozia Monastery




       วิหารโคเซีย ได้สร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1386 ภายในวิหารมีภาพจิตรกรรมที่เกี่ยวกับพระเยซูและนักบุญในคริสตศาสนามากมาย ซึ่งมีความงดงามมาก และเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยว และในปัจจุบันวิหารแห่งนี้ยังคงใช้ในการประกอบพิธีอันศักดิ์สิทธิ์และศาสนกิจของ ผู้ที่มานับถือศาสนาคริสต์


Palace of Paliament



            อาคารรัฐสภา อาคารนี้ถือเป็นอาคารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป แต่ถ้าในระดับโลกแล้วก็เป็นรองเพียงแค่ตึกเพนตากอนของอเมริกาเท่านั้น อาคารนี้มีห้องมากว่า 2,000ห้อง ใช้เวลาสร้างนานถึง 5 ปี โดยใช้สถาปนิกถึง 700 คน และแรงงานถึง 30,000 คน ผลัดกันทำงานเป็นช่วงเวลา 3 กะ อาคารนี้มีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ด้วยลักษณะภายนอกที่สูงใหญ่ตระการตา


 National Treasure Of Romania



         พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ หรือ พิพิธภัณฑ์สมบัติแห่งชาติโรมาเนีย “NATIONAL TREASURE” ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีความเก่าแก่เป็น สถานที่ที่เก็บสมบัติอันล้ำค่าของพระมหากษัตริย์แห่งโรมาเนียในสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็นมงกุฎเพชร, เครื่องประดับเพชรและอัญมณีล้ำค่าต่างๆ ตลอดจนเครื่องราชอิสริยภรณ์ เป็นต้น ในแต่ละยุคสมัย ทำให้นักท่องเที่ยว ได้ความรู้ เกี่ยวกับประเทศโรมาเนียมากขึ้นจากการเข้ามาชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้

Muzeul Satului, Herastrau Park



          พิพิธภัณฑ์หมู่บ้าน  เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของยุโรป ตั้งอยู่ริมทะเลสาบภายในสวนสาธารณะ Herastrau Park ณ กรุงบูคาเรสต์ เมืองหลวงของประเทศโรมาเนีย ซึ่งมีสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่สร้างด้วยไม้ ดิน และหิน เรียงรายอยู่ริมทะเลสาบ ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเห็นเป็นจุดเด่นชัดของ พิพิธภัณฑ์
          ภายในพิพิธภัณฑ์ ประกอบด้วย บ้านเรือนอายุนับร้อยปีจากภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศโรมาเนีย ซึ่งได้ถูกรื้อถอนและ นำมาประกอบขึ้นใหม่บนพื้นที่กว่าแสนตารางเมตร แบ่งเป็น ๖ เขตตามภูมิภาคท้องถิ่น ได้แก่ Transylvania, Banat, Muntenia, Oltenia, Dobrogea และ Moldova ลักษณะของบ้านในแต่ละเขตจะสอดคล้องตามสภาพภูมิอากาศของแต่ละท้องถิ่น หลังคาบ้านในเขตภูเขาที่หนาวเย็นอย่าง Transylvania จะมุงด้วยฟางและสูงชันเพื่อป้องกันไม่ให้หิมะและฝนค้างบนหลังคา ส่วนบ้านใน Dobrogea ซึ่งเป็นเขตอบอุ่นบริเวณลุ่มแม่น้ำดานูบและทะเลดำ จะมุงด้วยไม้แต่จะไม่ชันมาก
         นอกจากนี้พื้นที่ในแต่ละส่วนจะแสดงถึงวิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม และเอกลักษณ์ท้องถิ่นผ่านองค์ประกอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบบ้านเรือน รั้ว ซุ้มประตู ที่มีลายแกะสลัก โบสถ์ โรงนา เพิงเก็บหญ้าแห้งคอกสัตว์ เครื่องมือทำไร่ทำนา และอุปกรณ์ผลิตเครื่องอุปโภคบริโภคตามภูมิปัญญาท้องถิ่นเช่น เตาผิง กังหัน บ่อน้ำ เครื่องมือทอผ้า อุปกรณ์ผลิตชีส (เนยแข็ง)
            เมื่อนักท่องเที่ยวได้เดินเข้าไปเยี่ยมชมในบ้านแต่ละหลัง จะเห็นเครื่องเรือนที่จัดวางอยู่ ทั้งหม้อ ไห พรม ผ้าห่ม ผ้าทอ ชั้นวางจานชาม รวมทั้งของตกแต่ง มีรายละเอียดและเอกลักษณ์น่าสนใจไม่แพ้รูปแบบอาคาร แสดงถึงการผสมผสานอันลงตัวระหว่างความสวยงามและการใช้งาน บ้านโบราณและสิ่งจัดแสดงต่างๆ เหล่านี้ได้มาจากการศึกษาค้นคว้าและรวบรวมเป็นเวลาราว ๑๐ ปี ของศาสตราจารย์ Dimitrie Gusti จนถึงปี พ.ศ. ๒๔๗๙ จึงได้เริ่มสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์นี้ขึ้น นับว่าเป็นแหล่งศึกษาวัฒนธรรมและประเพณีที่น่าสนใจมาก นอกจากส่วนจัดแสดงทั่วไปแล้ว บางโอกาสยังมีกิจกรรมต่างๆ เช่น การสาธิตงานฝีมือท้องถิ่น กิจกรรมศิลปะสำหรับเด็กด้วย เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ความรู้ในการเข้ามาชมพิพิธภัณฑ์ ตลอดจน ได้ความประทับใจกลับไปไม่รู้ลืม

Romania Glass Street



              เป็นถนนที่มีร้านค้าขายเครื่องแก้วมากมาย ทั้งเครื่องแก้วที่ผลิตจากการเป่า, คริสตัล, เครื่องแก้วที่ได้จากการเจียรนัย  ในรูปแบบหลากหลายทั้งสไตล์โมเดิลและสไตล์โบฮีเมียนที่มีชื่อเสียง แต่ละร้านมีสินค้าให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสเลือกซื้อไม่ว่าจะเป็นสินค้าตกแต่งบ้านหรือของฝากมากมาย





วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ประเทศญี่ปุ่น

Japan




 เป็นประเทศหมู่เกาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ทางตะวันตกติดกับคาบสมุทรเกาหลี และสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีทะเลญี่ปุ่นกั้น ส่วนทางทิศเหนือ ติดกับประเทศรัสเซีย มีทะเลโอค็อตสค์ เป็นเส้นแบ่งแดน ตัวอักษรคันจิของชื่อญี่ปุ่นแปลว่า ถิ่นกำเนิดของดวงอาทิตย์ จึงทำให้บางครั้งถูกเรียกว่า ดินแดนแห่งอาทิตย์อุทัย
ญี่ปุ่นมีเนื้อที่กว่า 377,930 ตารางกิโลเมตร นับเป็นอันดับที่ 61 ของโลก หมู่เกาะญี่ปุ่นประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่กว่า 3,000 เกาะ เกาะที่ใหญ่ที่สุดก็คือเกาะฮนชู ฮกไกโด คีวชู และชิโกกุ ตามลำดับ เกาะของญี่ปุ่นส่วนมากจะเป็นหมู่เกาะภูเขา ซึ่งในนั้นมีจำนวนหนึ่งเป็นภูเขาไฟ เช่นภูเขาไฟฟูจิ ภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศ เป็นต้น ประชากรของญี่ปุ่นนั้นมีมากเป็นอันดับที่ 10 ของโลก คือประมาณ 128 ล้านคน เมืองหลวงของญี่ปุ่นคือกรุงโตเกียว ซึ่งถ้ารวมบริเวณปริมณฑลเข้าไปด้วยแล้วจะกลายเป็นเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีประชากรอยู่อาศัยมากกว่า 30 ล้านคน
สันนิษฐานว่ามนุษย์มาอาศัยในญี่ปุ่นครั้งแรกตั้งแต่ยุคหินเก่า การกล่าวถึงญี่ปุ่นครั้งแรกปรากฏขึ้นในบันทึกของราชสำนักจีนตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 1 ญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลจากจีนในหลายด้าน เช่นภาษา การปกครองและวัฒนธรรม แต่ในขณะเดียวกันก็มีการปรับเปลี่ยนให้เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง จึงทำให้ญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมที่โดดเด่นมาจนปัจจุบัน อีกหลายศตวรรษต่อมา ญี่ปุ่นก็รับเอาเทคโนโลยีตะวันตกและนำมาพัฒนาประเทศจนกลายเป็นประเทศที่ก้าวหน้าและมีอิทธิพลมากที่สุดในเอเชียตะวันออก หลังจากแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นก็มีการเปลี่ยนแปลงทางการปกครองโดยการใช้รัฐธรรมนูญใหม่ใน พ.ศ. 2490
ญี่ปุ่นเป็นประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจ โดยมีจีดีพีสูงเป็นอันดับสามของโลกในปี พ.ศ. 2553 ญี่ปุ่นเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ จี 8 โออีซีดี และเอเปค และมีความตื่นตัวที่จะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาของต่างประเทศ ญี่ปุ่นมีมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดี


Tokyo Imperial Palace



เป็นพระราชวังของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเขตชิโยะดะ กรุงโตเกียว ใกล้กับสถานีรถไฟโตเกียว ภายในพระราชวังประกอบด้วยพระราชมนเทียร พระตำหนัก (宮殿 Kyūden) ของพระราชวงศ์ พิพิธภัณฑ์ในพระองค์ สำนักพระราชวัง และสวนขนาดใหญ่
พระราชวังนี้แต่เดิมเป็นที่ตั้งของปราสาทเอะโดะ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของโชกุนตระกูลโทะกุงะวะ แต่พระราชวังเดิมถูกระเบิดทำลายลงไปมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และต่อมาในปี ค.ศ. 1964 ก็ได้รับการบูรณะ ซึ่งตัวพระราชวังมีขนาดที่ดินทั้งหมด 3.41 ตารางกิโลเมตร ซึ่งในภาวะฟองสบู่อสังหสริมทรัพย์ของญี่ปุ่นในทศวรรษที่ 1980 มูลค่าของพระราชวังโตเกียวนั้นมีมูลค่าสูงมากกว่ามูลค่าอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกาเสียอีก

Sensoji Temple



หรือที่รู้จักกันในชื่อ วัดอาซากุสะ เป็นวัดพุทธในย่านอะสะกุสะ เขตไทโต โตเกียว เป็นวัดที่เก่าแก่และมีความสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว แรกเริ่มเคยเป็นวัดในสายเทนได ต่อมาได้แยกเป็นอิสระหลังสงครามโลกครั้งที่สอง บริเวณติดกับวัดเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าอาซากุสะ ซึ่งเป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต
วัดเซนโซเป็นสถานที่จัดเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุดในโตเกียว เทศกาลมีระยะเวลา 3-4 วัน ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างนี้ถนนใกล้เคียงจะปิดการจราจรตั้งแต่เช้าจนถึงหัวค่ำ
ที่ทางเข้าวัดมีประตูขนาดใหญ่ เรียกว่า ประตูคามินาริ (Kaminari-mon) หรือ "ประตูอสุนี" บนคานประตูแขวนโคมกระดาษขนาดใหญ่มีความสูงกว่า 5.5 เมตร ที่มีรูปสายฟ้าและเมฆเขียนด้วยสีดำและแดง ในบริเวณวัดเป็นที่ตั้งของเจดีย์ 5 ชั้น และอาคารหลักที่เป็นที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์คันนน (Kannon Bosatsu) ทุกปีจะมีนักท่องเที่ยว ทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติจำนวนมาก เดินทางมาเยี่ยมชมวัดเซนโซ บริเวณรอบๆวัดจึงมีร้านค้าขายสินค้าและอาหารพื้นเมืองญี่ปุ่นมาวางขายจำนวนมาก โดยเฉพาะที่ถนนนากามิเสะ ซึ่งทอดยาวตั้งแต่ประตูสายฟ้าไปจนถึงบริเวณวัด สองข้างถนนเต็มไปด้วยร้านค้าเล็กๆขายของที่ระลึกต่างๆ เช่น พัด ภาพวาดแผ่นไม้ ชุดกิโมโน เสื้อคลุมแบบต่างๆ ม้วนภาพเขียน ขนมหวานพื้นเมือง ไปจนถึงหุ่นยนต์ของเล่น เสื้อยืด หรือของประดับโทรศัพท์มือถือ
ตู้บริจาคใบโต ไกด์แนะนำว่าให้โยนเหรียญบริจาคลงไป และควรจะบริจาคเป็นเหรียญที่มีเลข 5 ทั้ง 5 เยน 50 เยน หรือ 500 เยน ซึ่งให้ความหมายที่ว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ในบริเวณวัดยังมีสวนที่เงียบสงบ ซึ่งได้รับการดูแลรักษาให้เป็นสวนแบบญี่ปุ่นไว้ได้อย่างดี

Harajuku



         ฮาราจูกุ เป็นศูนย์รวมของเด็กวัยรุ่น ที่แต่งหน้า แต่งตัว กันแบบที่เรียกได้ว่าหลุดโลก มาอวดโฉมกัน โดยในวันอาทิตย์เด็ก เหล่านี้จะมารวมตัวกัน มีทั้งแนว แฟนตาซี ปีศาจ คิขุอาโนเนะน่ารัก ๆ (แนวนี้ชอบ อิอิ ) เป็นสีสันให้กับถนนสายนี้รับรองว่าใครมีโอกาสได้มาที่ฮาราจูกุละก็ไม่เบื่อแน่นอน เอาล่ะมาพูดถึงแหล่งช้อปปิ้งดีกว่าที่ชื่อดังก็คงมี ถนนทาเคชิตะ ( Takeshita Dori ) และถนนโอโมโตะซานโดะ (Omotosando) มาดูกันว่าแต่ละที่เป็นอย่างไงจะได้รู้ว่าควรไปช้อปตรงไหน

Takeshita Dori



           ทาเคชิตะ ( Takeshita Dori ) เป็นถนนเล็กๆ หน้าสถานีฮาราจูกุ ที่ถนนสายนี้เป็นแหล่งรวมร้านค้าที่สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นของวันรุ่น ทั้งร้านเสื้อผ้าเครื่องประดับ เครื่องสำอางค์ มีให้เลือกหลายแบบไม่ว่าจะแบบน่ารัก เปรี้ยว แม้กระทั้งแบบหลุดโลกก็มีหลุดแบบคิดว่าเพื่อน ๆ คงไม่กล้าใส่แน่นอน แต่ถ้าใครกล้าก็ถ่ายรูปตัวเองมาให้ดูบ้างนะคับอยากเห็น


          เรียกว่าเป็นไฮไลท์ของถนนสายนี้ คือ เครป ที่ถนนสายนี้จะมีร้านเครปเยอะมาก ขอบอกก่อนเลยไม่เหมือนที่ขายที่ประเทศไทยแน่นอน บอกเลยว่าอร่อยกว่าเยอะ มีหน้าให้เลือกเยอะมาก มาถึงแล้วก็ลองหน่อยล่ะกัน ในวันหยุดถนนสายนี้คนจะเยอะมาก แต่คิดว่าเพื่อน ๆ คงไม่เบื่อ เพราะจะมีวัยรุ่นญี่ปุ่นน่ารัก ๆ เดินกันเต็มถนนเหมือนกัน

Omotosando


         ถนนโมโตะซานโดะ (Omotosando) เป็นอีกสายหนึ่งที่วัยรุ่นจะมาแต่งตัวอวดโฉมกันแต่จะต่างกันตรงที่จะออกแนวสวย หล่อ ดาราญี่ปุ่นที่น่ารัก  ๆ ก็มาจากแถวนี้เหมือนกัน ไงก็แต่งตัวให้ดูดีไว้นะเผื่อฟลุคความสวยความหล่อไปเตะตาแมวมองอาจจะมีดังได้นะ    และด้วยที่ว่าที่นี่เป็นแหล่งรวมสินค้าแบร์นเนมหรู ๆ ไม่ว่าจะเป็นห้าง ลาฟอเร่ห์ ( Laforet Harajuku ) ห้างที่สูง 7 ชั้นมีร้านเสื้อผ้ามากกว่า 150 ร้าน หรือจะเป็น Omotosando Hill ช๊อปปิ้งมอลล์ที่มีร้านขายแฟชั่นราคาแพง อาหาร ภัตตาคารหรู ร้านเสริมสวย ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Louis Vuitton,Cristian Dior,Channel,Gucci ก็อยู่ที่นี่ครบเลย ถนนสายนี้จึงเหมาะมากสำหรับหนุ่มสาวที่มีตังค์ 


      Rainbow Bridge




เป็นสะพานแขวนที่ทอดข้ามทางตอนเหนือของอ่าวโตเกียว เชื่อมระหว่างย่านชิบะอุระกับย่านโอไดบะในเขตมินะโตะ กรุงโตเกียว สร้างเสร็จสมบูรณ์และเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2536 (ค.ศ. 1993)
สะพานมีความกว้าง 570 เมตร มีถนนสองชั้นเพื่อรองรับเส้นทางการจราจร 3 สาย ชั้นบนเป็นทางด่วนมหานครหมายเลข 11 สายโอไดบะ ส่วนชั้นล่างเป็นเส้นทางหมายเลข 357 และสายยุริคะโมะเมะ
บนสะพานมีทางเดินเท้าทั้งสองฝั่ง คือ ฝั่งเหนือและฝั่งใต้ ฝั่งเหนือจะเห็นทิวทัศน์ของชายฝั่งโตเกียวตอนในและโตเกียวทาวเวอร์ ส่วนฝั่งใต้จะมองเห็นอ่าวโตเกียว และบางครั้งอาจมองเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วย สะพานนี้ไม่อนุญาตให้รถจักรยานและรถจักรยานยนต์ใช้เส้นทาง เสาสูงที่รองรับสะพานทาด้วยสีขาว เพื่อให้กลมกลืนกับท้องฟ้าเหนือโตเกียวตอนกลางที่มองเห็นจากโอไดบะ บนเส้นลวดขึงสะพานจะติดหลอดไฟไว้ ซึ่งจะเปลี่ยนสีระหว่างสีแดง ขาว และเขียวในทุกคืน โดยอาศัยพลังงานแสงอาทิตย์ที่เก็บไว้ในเวลากลางวัน

tokyo disneyland



โตเกียวดิสนีย์แลนด์เป็นสวนสนุกของดิสนีย์แห่งแรกที่สร้างขึ้นภายนอกสหรัฐอเมริกา เปิดให้บริการในวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2526 ก่อสร้างโดยวอลต์ดิสนีย์อิเมจจิเนียร์ริง ในลักษณะที่คล้ายคลึงกับดิสนีย์แลนด์ที่แคลิฟอร์เนียและแมจิกคิงดอมที่ฟลอริดา ดำเนินงานโดยบริษัทโอเรียนทัลแลนด์คอมปานี ซึ่งได้รับลิขสิทธิ์จากเดอะวอลต์ดิสนีย์ ทั้งโตเกียวดิสนีย์แลนด์และโตเกียวดิสนีย์ซี ถือเป็นสวนสนุกเพียงแห่งเดียวที่วอลส์ดิสนีย์มิได้เป็นเจ้าของกิจการ
สวนสนุกแบ่งออกเป็นเจ็ดสวนสนุกย่อย เช่น เวิร์ลด์บาซาร์, แอดเวนเจอร์แลนด์, เวสเทิร์นแลนด์, แฟนตาซีแลนด์, และทูมอโรว์แลนด์ นอกจากนี้ยังมีสวนสนุกย่อยอีกสองแห่งคือ คริกเตอร์คันทรี, และมิกกี้ตูนทาวน์ ในปี 2009 โตเกียวดิสนี์แลนด์มีจำนวนผู้เข้าชมประมาณ 13.65 ล้านคน จัดอยู่ในอันดับที่สามของสวนสนุกดิสนีย์ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดรองจากแมจิกคิงดอมที่ฟลอริดา และดิสนีย์แลนด์ที่แคลิฟอร์เนีย

Sapporo Clock Tower



         เป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเป็นอาคารที่สร้างขึ้นจากไม้ ตั้งอยู่ในเขตจูโอ เมืองซัปโปะโระ เมืองใหญ่ที่สุดของจังหวัดฮกไกโด ทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น ออกแบบด้วยศิลปะแบบอเมริกัน เป็นอาคารทรงตะวันตกแห่งหนึ่ง ในจำนวนน้อยที่หลงเหลืออยู่ในเมืองนี้ เป็นที่รู้จักในฐานะสัญลักษณ์ของเมือง และเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศแทบทุกคน ซึ่งนาฬิกาบนหอยังคงเดินอย่างเที่ยงตรง และมีเสียงระฆังในทุกชั่วโมง


      Osaka Castle



เป็นจุดเด่นของเมืองโอซะกะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นปราสาทที่มีชื่อเสียง ทั้งยังเป็นจุดชมวิวที่เป็นที่นิยม และเป็นสัญลักษณ์ของโอซะกะ ปราสาทนี้ประกอบขึ้นด้วยโครงสร้าง 13 อย่างที่รัฐบาลญี่ปุ่นระบุให้เป็นทรัพย์สมบัติสำคัญในทางวัฒนธรรม สิ่งที่มีชื่อเสียงมากเป็นพิเศษคือ ประตูขนาดใหญ่และและป้อมปราการที่อยู่ตามคูกำแพงเมืองรอบนอก กำแพงสูงชันที่สูงเกือบถึง 30 เมตร นั้นทำมาจากก้อนหินขนาดใหญ่ซึ่งส่งเข้ามาในโอซะกะจากเหมืองที่อยู่ห่างออกไปมากกว่า 100 กิโลเมตร ความสูงของกำแพงและความกว้างของคูกำแพงเมืองที่เห็นนั้นไม่สามารถเทียบได้กับปราสาทอื่นๆในญี่ปุ่นได้เลย
สิ่งที่น่าสนใจยังรวมถึง หลังคารูปปลาโลมาแปดตัวของหอ และหลังคาอยู่ประดับไปด้วยกระเบื้องและแกะสลักเป็นรูปทรงของเสือ ซึ่งทั้งหมดจะถูกชุบด้วยทองคำ
หอสูงของปราสาทได้รับการซ่อมแซมใหม่ในปี พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) การซ่อมแซมในครั้งนี้ได้นำโครงสร้างอันงดงามของกำแพงความบริสุทธิ์และความสุกใสของทองคำกลับมาให้เราเห็นอีกครั้ง ความงดงามของปราสาทจึงได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโอซะกะ

Umeda Sky Building



         เป็นอีกจุดหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ด้วยตึกที่สูงถึง 173 เมตร ทำให้สามารถชมพระอาทิตย์ตกดิน และบรรยากาศรอบๆเมืองที่งดงามได้ บนดาดฟ้าของตึกซึ่งเป็นจุดที่สามารถชมความงามของเมืองโอซาก้าได้อย่างชัดเจน ที่ชั้น 39 ของตัวอาคารจะมีสวนลอยฟ้า (Floating Garden) ที่เปิดให้เข้าชมโดยเสียค่าธรรมเนียม 700 เยน ที่ชั้นล่างสุดของตัวอาคารจะมีตลาด Takimi Koji ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างดี


         Tokyo Tower




        ที่สูงเสียดฟ้า โครงเหล็กกล้าทาด้วยสีแดงและขาว ได้สร้างเสร็จในปี 1958 สร้างขึ้นเพื่อใช้สำหรับส่งสัญญาณโทรทัศน์ และหวังให้ผู้พบเห็นรู้สึกเหมือนได้ชมหอไอเฟลของปารีส นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิว จากมุมสูงของโตเกียวได้ที่จุดชมวิวของหอโตเกียวทาวเวอร์แห่งนี้ ตึกนี้สูง 333 เมตร ก่อสร้างด้วยเหล็กสีส้ม

        โตเกียวทาวเวอร์นับเป็นจุดสัญลักษณ์ที่หลายคนที่ไปเที่ยวเมืองโตเกียวแล้วต้องไปเยี่ยมชม โตเกียวทาวเวอร์นั้นตั้งพุ่งทะยานเสียดฟ้าอยู่ทางขอบฟ้าด้านใต้ สถาปัตยกรรมทาสีแดงขาวชิ้นนี้สร้างเสร็จในปี 1958 เพื่อทำการส่งสัญญาณโทรทัศน์ และหวังให้ผู้พบเห็นรู้สึกเหมือนกันได้ชมหอไอเฟลที่ปารีส และหอแห่งนี้ยังเป็นจุดชมวิวอันแสนวิเศษ แต่ละชั้นประกอบไปด้วย

ชั้น 1 Tokyo Tower Aquarium  เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่สำคัญที่สุดของประเทศญี่ปุ่น และเป็นที่นิยมที่สุดในญี่ปุ่นโดยมีปลามากกว่า 50,000 ตัว และกว่า 800 สายพันธุ์เลยทีเดียว  ชั้น และชั้น เป็นแหล่งรวมร้านขายของมากมาย ร้านอาหาร และร้านน้ำชา ในชั้นนี้สามารถหาซื้อของที่ระลึกของโตเกียว และญี่ปุ่น เพื่อซื้อเป็นของฝากได้ที่นี่ และยังมีร้านอาหารอีกหลายร้านด้วย
ชั้น 3 Tokyo Tower Carnival  
ชั้นนี้มีพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง สามารถเดินชมได้ โดยจะเป็นหุ่นจำลองของบุคคลคนสำคัญของโลก  "โซนพิศวง (Mysterious Walking Zone)" ที่นี่เราสามารถพบกับเทคโนโลยีแบบภาพ 3 มิติ ล้ำสมัย ตื่นตาตื่นใจอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ชั้น 4 Tokyo Tower Trick Art Gallery  
คือห้องจัดแสดงภาพศิลปะ และเพลิดเพลินกับภาพในระบ 3D Government Information Display Center (Forest of Information)มีห้องจัดแสดงแนะนำเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะ จัดโชว์ในรูปแบบวีดีโอ เพื่อความบันเทิง ห้องจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับสถิติ (Statistics Plaza) เรื่องราวของประวัติศาสตร์ที่นำเสนอผ่านวีดีโอ และเกมส์คอมพิวเตอร์ เพื่อให้ง่ายแก่การเข้าใจของผู้มาเยี่ยมชม
         ที่นี่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองโตเกียวที่ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวรู้จักกันเป็นอย่างดี มีแสงไฟสว่างจ้าไปทั่วจนเห็นได้ชัดในตอนกลางคืน จากหลอดไฟจำนวน 164 ดวง ตั้งอยู่เขตมินาโตะคุโตเกียว เปิดทำการ 9.00-20.00 น. ไม่มีวันหยุด


      Mount Fuji




       เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ราว 3,776 เมตร (12,388 ฟุต) ตั้งอยู่บริเวณจังหวัดชิซึโอะกะและจังหวัดยะมะนะชิ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของจังหวัดโตเกียว โดยในวันที่อากาศแจ่มใสสามารถมองเห็นจากโตเกียวได้ ในปัจจุบันภูเขาได้ถูกจัดโดยนักวิทยาศาสตร์อยู่ในลักษณะของภูเขาไฟที่มีโอกาสปะทุต่ำ ระเบิดครั้งล่าสุดในปี พ.ศ. 2250 (ค.ศ. 1707) ยุคเอะโดะ

       Hiroshima Peace Memorial Park



         อนุสาวรีย์และเปลวไฟแห่งสันติภาพ อนุสาวรีย์สร้างเป็นรูปตัวยูคว่ำสะท้อนบ้านหลังคามุงจากสมัยโบราณของญี่ปุ่น บรรจุหีบศิลาพร้อมรายชื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์และคำจารึกว่า "จงเข้าสู่นิทราอย่างสงบ ความผิดพลาดมิอาจเกิดขึ้นซ้ำรอยเดิม" จากอนุสาวรีย์คุณจะมองเห็นเปลวไฟแห่งสันติภาพและอะตอมิคโดม มีรูปปั้นที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงเด็กหญิงผู้หนึ่งที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในเม็ดเลือดเนื่องจากกัมมันตภาพรังสี เธอเชื่อว่าถ้าสามารถพับนกกระเรียนได้ 1,000 ตัวก็จะไม่ตาย แต่แล้วเธอก็สิ้นใจขณะพับนกได้ 954 ตัว เธอก็คือ ซาดาโกะ ที่เรารู้จักกันนั่นเอง เด็กนักเรียนทั่วประเทศจะพากันน้ำพวงหรีดที่พับด้วยนกกระเรียนมาสวมรอบคอรูปปั้นเสมอ