วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2556

ประเทศแคนาดา


Canada



ที่ตั้ง - ทิศเหนือ จรดมหาสมุทรอาร์กติก / ทิศใต้ จรดประเทศสหรัฐอเมริกา / ทิศตะวันออก จรดมหาสมุทรแอตแลนติก / ทิศตะวันตก จรด มหาสมุทรแปซิฟิก และมลรัฐอะแลสกา 
พื้นที่ - 9,976,140 ตารางกิโลเมตร ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก
เมืองหลวง - กรุงออตตาวา Ottawa
เมืองสำคัญ - โทรอนโต Toronto / มอนทรีออล Montreal / แวนคูเวอร์ Vancouver / ควิเบก ซิตี้ Quebec City / แฮลิแฟ็กซ์ Halifax / วินนิเป็ก Winnipeg / เอ็ดมันตัน Edmonton
ภูมิอากาศ - ภาคพื้นทวีป ( มีหิมะในฤดูหนาว และอบอุ่นในฤดูร้อน)
ประชากร - 31.7 ล้านคน ( ประมาณการปี 2546) 
ภาษา - อังกฤษและฝรั่งเศส
ศาสนา - โรมันคาธอลิก ( ร้อยละ 42), โปรแตสแตนท์ ( ร้อยละ 40) , อิสเทอร์นออโธดอกซ์ และยิว ( ร้อยละ 18) 
อิสลามและพุทธศาสนามีอัตราเพิ่มค่อนข้างรวดเร็ว เนื่องจากนโยบายการรับคนนอกประเทศมาตั้งถิ่นฐาน
หน่วยเงินตรา - แคนาเดียนดอลลาร์ (1 CND ประมาณ 31.62 บาท) ข้อมูล เมษายน 2551 
สังคม - สังคมของแคนาดาเป็นสังคมที่มีส่วนผสมของชนชาติต่างๆ มากมาย โดยชนชาติที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานมากที่สุด ระหว่างปี ค. ศ. 1991-2000 คือคนจากเอเชีย ( จีน อินเดีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ อิหร่าน) ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 59.5 ของคนเข้าเมืองเพื่อตั้งถิ่นฐานในแคนาดา ค่านิยมหลักของสังคมแคนาดาที่ฝังลึกในทุกคนคือการส่งเสริม และเคารพในสิทธิและเสรีภาพของมนุษย์ ซึ่งเป็นหลักพื้นฐานสำคัญที่สุดของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย 

Cn Tower



ซีเอ็นทาวเวอร์ (อังกฤษ: CN Tower) ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองโตรอนโต รัฐออนแทริโอ ประเทศแคนาดา เป็นหอคอยสื่อสารและสังเกตการณ์ สูง 553 เมตร (1,815 ฟุต) เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1973 และมีความสูงมากกว่าหอคอยออสตานกิโนในมอสโก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1975 ทั้งที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ ซีเอ็นทาวเวอร์ได้รับการบันทึกว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีความสูงที่สุดในโลกเป็นเวลาถึง 31 ปี จนถึงวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2007 จึงถูกแทนที่ด้วยอาคารเบิร์จคาลิฟา (ขณะนั้นใช้ชื่อ เบิร์จดูไบ)

ชื่ออาคาร ซีเอ็น ย่อมาจาก "Canadian National Railway" เป็นกิจการรถไฟที่เป็นเจ้าของโครงการก่อสร้างในระยะแรก แต่ในปัจจุบัน นิยมอ้างอิงว่า ซีเอ็น หมายถึง "หอคอยแห่งชาติแคนาดา" (Canada's National Tower) ตัวหอคอยมีภัตตาคารอยู่ที่ชั้นความสูง 1,136 ฟุต และจุดชมทิวทัศน์ที่ความสูง 1,465 ฟุต
ปัจจุบัน ซีเอ็นทาวเวอร์เป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดเป็นอันดับสามในโลก รองจากเบิร์จคาลิฟาและหอคอยกว่างโจว แต่ยังครองสถิติสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในซีกโลกตะวันตก

Capilano canyon



สะพานแขวนคาปิลาโน (Capilano canyon)  สะพานไม้แขวนที่ยาวที่สุดของแคนาดา
ใกล้ๆกับอุทยานสแตนลี่ยังมี สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจใกล้ๆ กันอีก คือบริเวณอ่าวอังกฤษ หรือ English Bay ซึ่งหากใครมีเวลา ขอแนะนำว่าให้แวะไปชื่นชมบรรยากาศของทะเลทั้งชายหาดและสภาพแวดล้อมที่งดงามกันได้ และอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรพลาดไปเที่ยวชมก็คือ สะพานแขวนคาปิลาโน สะพานไม้เก่าแก่อายุ 200 กว่าปี และเป็นสะพานไม้แขวนที่ยาวที่สุดของแคนาดา มีความยาวถึง 230 ฟุตทอดข้ามเหวลึก เดินข้ามแล้วตื่นเต้นน่าดู

Royal Ontario Museum


โรยัลออนทาริโอมิวเซี่ยม (Royal Ontario Museum) ตั้งอยู่ในกรุงโทรอนโต ประเทศแคนาดา เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญสำหรับอารยธรรมโลกและประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าในทวีปอเมริกาเหนือ และใหญ่ที่สุดในแคนาดา มีสิ่งของที่แสดงกว่าหกล้านชิ้น ที่มีชื่อเสียงและนิยมดูกันก็เช่น ไดโนเสาร์ ศิลปกรรมของโลก ไม่ว่าจะเป็นของอัฟริกา เอเชีย หรือยุโรป รวมทั้งประวัติศาสตร์ของแคนาดา เป็นต้น รวมทั้งมีศูนย์วิจัยที่ใหญ่ที่สุดของประเทศแคนาดาเช่นกัน

Spotted Lake

ทะเลสาบสปอท เลค (Spotted Lake) “สปอท เลค” ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่มีแร่ธาตุชนิดต่างๆ อาทิ แมกนีเซียม ซัลเฟต, แคลเซียม และโซเดียม ซัลเฟต ในปริมาณเข้มข้นมากที่สุดในโลก แต่น่าเสียดายที่ทะเลสาบแห่งนี้อยู่ในที่ดินของเอกชน นักท่องเที่ยวจึงทำได้แค่มองจากราวรั้วกั้นริมถนนเท่านั้น (ส่วนที่เป็นจุดๆ คือน้ำ นอกนั้นเป็นส่วนของแร่ธาตุนานาชนิด ที่สามารถลงไปเดินสำรวจได้)

Nahanni National Park


อุทยานแห่งชาตินาฮานนี (อังกฤษ: Nahanni National Park) ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเทือกเขาแมกเคนซี อยู่ในเขตนอร์ธเวสต์ เทอร์ริทอรี ประเทศแคนาดา มีเนื้อที่ 4,765 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นหินปูนเป็นเนินสูงต่ำ มีถ้ำและน้ำพุร้อน อุทยานแห่งนี้ได้รับประกาศเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1976


Canada Place


แคนาดาเพลส เป็น สถานที่สำคัญที่ถ้ามาเที่ยวแวนคูเวอร์แล้วต้องไม่พลาดการมาเที่ยวชมที่นี่ และยังมีความหมายที่เกี่ยวข้องกับเรือใบขนาดใหญ่ แคนาดาเพลสเริ่มก่อสร้างขึ้นในปี 1983 และเสร็จในปลายปี 1985 และได้รับการเปิดงานเอ็กซ์โป 86 ในโอกาสครบรอบศตวรรษของแวนคูเวอร์ อาคารหลังนี้ตั้งเด่นเป็นสง่า มียอดโดมเหมือนกาบหอยเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงสถานที่และชาวเมือง และยังมีความหมายที่เกี่ยวข้องกับเรือใบขนาดใหญ่ ซึ่งภายในแคนาดาเพลสมีห้องประชุมขนาดใหญ่ที่สามารถจุคนได้เป็นจำนวนมาก สามารถใช้เป็นที่จัดงานใหญ่ๆ ได้อย่างสบายๆ

Getaway Gastown


แกสทาวน์ (Getaway Gastown) ย่านชุมชนแรกของ แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา เรียกว่า แก๊สทาวน์ ซึ่งบุกเบิกโดย GASS JACK DEIGHTON ผู้ริเริ่มการเปิดผับขายเบียร์ จนกลายเป็นที่นิยมกันอย่างมากของชุมชนแก็สทาวน์ ที่นี่เป็นย่านธุรกิจการค้าที่สำคัญของเมืองมาตั้งแต่ในอดีต ซึ่งจะสังเกตเห็นตึกรามบ้านช่องที่ยังคงสภาพตึกเก่าอันงดงามให้ได้ชม และยังมีร้านรวงขายสินค้าเก่าๆ ในรูปแบบเดิมๆ ที่ดูแล้วสวยงามเช่นกัน

และที่ย่านแกสทาวน์ ยังมี นาฬิกาไอน้ำ (Gastown Steam Clock) เรือนแรกของโลก ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหัวมุมถนน เมื่อถึงเวลาจะส่งเสียงหวูด พร้อมกับพ่นไอน้ำออกมาบอกเวลาที่เที่ยงตรง ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันนี้ย่านธุรกิจสำคัญของแวนคูเวอร์จะขยับออกไปยังแหล่งอื่น แล้ว แต่ย่านแกสทาวน์แห่งนี้ ก็ยังคงได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากมาย เพราะมีร้านค้าที่ขายของที่ระลึกมากมายให้ได้เลือกซื้อหาเป็นของฝาก

CREDIT :  http://www.dek-d.com/board/view/2201638/

http://www.abroad-tour.com/canada/


ประเทศอังกฤษ

England
London



พรมแดน  ติดกับสก็อตแลนด์ และ เวลส์
ภูมิประเทศ  พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบต่ำ มีภูเขาทางตอนเหนือ และ ตะวันตกเป็นเส้นแนวแบ่งเขตแคว้น
ภาษาที่ใช้  ภาษาอังกฤษ
ระบบการปกครอง ใช้ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา โดยพระมหากษัตริย์เป็นประมุข(ปัจจุบันคือ พระบรมราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 ค่ะ)
เมืองหลวง  ลอนดอน (London)
สกุลเงิน  ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP) โดย 1 ปอนด์ = ประมาณ 50 บาท
ประชากร  ประมาณ 50,431,700 คน
รหัสโทรศัพท์  44
เวลา  สหราชอาณาจักรเป็นที่ตั้งของเส้นแบ่งเขตเวลาของโลก (GMT - Greenwich Mean Time) ดังนั้นประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของ GMT นี้ จึงมีเวลาที่เร็วกว่าที่นั่นประมาณ 6 ชั่วโมง แต่จะมีการปรับเวลาให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมง (Day Light Saving) ในช่วงฤดูร้อนเริ่มประมาณเดือนมีนาคม ถึงปลายตุลาคม

1.Bigben


หอเอลิซาเบธ (Elizabeth Tower) (ก่อนหน้านี้เรียกว่า หอนาฬิกาพระราชวังเวสต์มินเตอร์ (Clock Tower, Palace of Westminster)) หรือรู้จักดีในชื่อ บิ๊กเบนเป็นหอนาฬิกาประจำพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ ซึ่งในปัจจุบันใช้เป็นรัฐสภาอังกฤษ ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวัง หอนาฬิกานี้ถูกสร้างหลังจากไฟไหม้พระราชวังเวสต์มินสเตอร์เดิม เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2377 โดยชาลส์ แบร์รี เป็นผู้ออกแบบ หอนาฬิกามีความสูง 96.3 เมตร โดยที่ตัวนาฬิกาอยู่สูงจากพื้น 55 เมตร ตัวอาคารสร้างด้วยสถาปัตยกรรมสมัยสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย (victorian gothic) ชื่อหอเอลิซาเบธตั้งขึ้นเพื่อฉลองพระราชพิธีพัชราภิเษก หรือพระราชพิธีมหามงคลฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง

2.London eye


ลอนดอนอาย (อังกฤษ: London Eye) หรือยังรู้จักในชื่อ มิลเลเนียมวีล (อังกฤษ: Millennium Wheel) เป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป มีความสูง 135 เมตร (443 ฟุต) และกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมและเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างมากในสหราชอาณาจักร มีผู้มาเยือนมากกว่า 3 ล้านคนต่อปี ส่วนบัตรเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่อยู่ที่ 15 ปอนด์ต่อคน ซึ่งในอดีตเคยเป็นชิงช้าสวรรค์ก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลก ก่อนจะถูกชิงตำแหน่งไปจากชิงช้าสวรรค์เดอะ สตาร์ ออฟ นานชาง ในประเทศจีน (160 เมตร) ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2006 ต่อมาภายหลังตำแหน่งตกเป็นของ สิงคโปร์ ฟลายเออร์ ในประเทศสิงคโปร์(165 เมตร) ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 อย่างไรก็ตาม ลอนดอน อาย ก็ยังคงได้รับตำแหน่งจากการให้บริการว่า "ชิงช้าสวรรค์ที่ก่อสร้างด้วยโครงเหล็กค้ำข้างเดียวที่สูงที่สุดในโลก" (เพราะการโครงสร้างทั้งหมดใช้โครงค้ำเหล็กรูปตัว A ในการให้บริการโดยใช้โครงค้ำเพียงแค่ด้านเดียวเท่านั้นไม่เหมือนชิงช้าสวรรค์อื่นๆ ทั่วไป ที่มีโครงค้ำสองข้าง)
ลอนดอนอาย ตั้งอยู่ ณ ที่ฝั่งสุดด้านตะวันตกของสวนจูบิลี่ บนริมฝั่งทางใต้ของแม่น้ำเทมส์ ในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ตั้งอยู่ระหว่างสะพานเวสต์มินสเตอร์กับสะพานฮันเกอร์ฟอร์ด โดยสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของโดมแห่งการค้นพบ ที่เคยสร้างขึ้นเพื่อใช้ในงานนิทรรศการเฟสติวัล ออฟ บริเตน ในปี ค.ศ. 1951

3.Tower Bridge


สะพานทาวเวอร์ (Tower Bridge)สร้างขึ้นในปี 1894 เพื่อการสัญจรข้ามแม่น้ำเทมส์ ลักษณะสะพานโดดเด่นฐานสะพาน 2 ฟากฝั่งน้ำที่สร้างเป็นหอสูง 2 หอ ที่ระดับความสูง 66 เมตร ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งหนึ่งของลอนดอน
        สะพานทาวเวอร์ ตั้งอยู่ข้างหอคอยลอนดอน สร้างด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์วิกตอเรียนโกธิกใช้เวลาสร้าง 8 ปี เป็นสะพานแบบเปิด-ปิด ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เดิมทีสะพานทาวเวอร์ใช้พลังไอน้ำเป็นพลังงานขับดันปั๊มเพื่อให้ไฮดรอลิกยกเปิด-ปิดได้ จนมาในปี ค.ศ.1976 สะพานทาวเวอร์ได้เปลี่ยนมาใช้พลังงานจากน้ำมันและไฟฟ้าในการเปิด-ปิดแทนไอน้ำ
       สะพานแห่งนี้ปัจจุบัน จัดทำทางเชื่อมต่อระหว่างหอคอยเป็นพิพิธภัณฑ์ และสถานที่จัดนิทรรศการ เกี่ยวกับประเทศอังกฤษ รวมถึงจัดแสดงห้องอบไอน้ำสมัยวิกตอเรียน โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมเรื่องราวความเป็นมาภายใน พร้อมชมวิวทั้งเห็นทัศนียภาพลอนดอนอย่างชัดเจน



4.Horrods




แฮร์รอดส์ (อังกฤษ: Harrods) เป็นห้างสรรพสินค้าหรูหราบนถนนบรอมพ์ตันในเขตไนท์สบริดจ์ ลอนดอน สหราชอาณาจักร ตราแฮร์รอดส์ยังนำไปใช้กับวิสาหกิจอื่นๆ ที่ดำเนินงานโดยกลุ่มบริษัทแฮร์รอดส์ รวมถึงธนาคารแฮร์รอดส์ แฮร์รอดส์เอสเตทส์ แฮร์รอดส์เอเวียชัน และแอร์แฮร์รอดส์
ห้างตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 18,000 ตารางเมตร มีพื้นที่จำหน่ายสินค้ากว่า 90,000 ตารางเมตรในร้านค้ากว่า 330 ร้าน ห้างเซลฟริดจ์สบนถนนออกซ์ฟอร์ดซึ่งเป็นห้างที่ใหญ่เป็นอันดับสองในสหราชอาณาจักร มีขนาดมากกว่าครึ่งหนึ่งของแฮร์รอดส์เล็กน้อย โดยมีพื้นที่จำหน่ายสินค้า 50,000 ตารางเมตร

คติพจน์ของแฮร์รอดส์คือ Omnia Omnibus Ubique - ทุกสิ่งสำหรับทุกคนในทุกแห่ง ร้านค้าหลายร้านภายในห้างมีชื่อเสียงระดับโลก รวมถึงแผนกคริสต์มาสตามเทศกาลและศูนย์อาหาร

5.Oxford Street

Oxford Streetเป็นหลักทางสัญจรในCity of Westminsterในเวสต์เอนของลอนดอน , สหราชอาณาจักร มันเป็นที่คึกคักที่สุดของยุโรปแหล่งช้อปปิ้ง และในปี 2011 มีประมาณ 300 ร้านค้า แต่เดิมเป็นส่วนหนึ่งของถนน ระหว่าง London – Oxford ซึ่งเริ่มที่ Newgate และเป็นที่รู้จักกันในนาม Oxford Road วันนี้มันเป็นส่วนหนึ่งของถนน A40
Oxford Street เป็นบ้านของห้างสรรพสินค้าใหญ่และร้านค้าหลายร้อยร้านค้าขนาดเล็กมันเป็นถนนช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดภายใน ใจกลาง ลอนดอน ถึงแม้ว่าจะไม่จำเป็นต้องราคาแพงที่สุดหรือแฟชั่นที่สุด แต่ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือแหล่งย่านช้อปปิ้งขนาดใหญ่ โดยมีRegent Street,Bond Street เป็นถนนเล็ก ๆ ที่เชื่อมกับ Oxford Street ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าด้วยเช่นกัน

6.Stonehenge


สโตนเฮนจ์ (อังกฤษ: Stonehenge) เป็นกลุ่มแท่งหินขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางทุ่งราบกว้างใหญ่บนที่ราบซอลส์บรี (Salisbury Plain) ในบริเวณตอนใต้ของเกาะอังกฤษ ประกอบไปด้วยแท่งหินขนาดยักษ์ 112 ก้อน ตั้งเรียงกันเป็นวงกลมซ้อนกัน 3 วง แท่งหินบางอันตั้งขึ้น บางอันวางนอนลง และบางอันก็ถูกวางซ้อนอยู่ข้างบน
นักโบราณคดีเชื่อว่ากลุ่มกองหินนี้ถูกสร้างขึ้นจากที่ไหนสักแห่งเมื่อประมาณ 3000–2000 ปีก่อนคริสตกาล กล่าวคือ การหาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสีเมื่อ พ.ศ. 2551 เผยให้เห็นว่าหินก้อนแรกถูกวางตั้งเมื่อประมาณ 2400–2200 ปีก่อนคริสตกาล  ในขณะที่ทฤษฎีอื่น ๆ ระบุว่ากลุ่มหินที่ถูกวางตั้งมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นถึง 3000 ปีก่อนคริสตกาล
นักวิทยาศาสตร์และนักประวัติศาสตร์ต่างสงสัยว่า คนในสมัยก่อนสามารถยกแท่งหินที่มีน้ำหนักกว่า 30 ตัน ขึ้นไปวางเรียงกันได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่ปราศจากเครื่องทุ่นแรงอย่างที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน และบริเวณที่ราบดังกล่าวไม่มีก้อนหินขนาดมหึมานี้ ดังนั้นจึงสันนิษฐานว่าผู้สร้างต้องทำการชักลากแท่งหินยักษ์ทั้งหมดมาจากที่อื่น ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจาก "ทุ่งมาร์ลโบโร" ที่อยู่ไกลออกไปประมาณ 40 กิโลเมตร
สโตนเฮนจ์มีชื่อเสียงอย่างมากในฐานะที่เป็นกลุ่มหินประหลาดซึ่งไม่มีใครทราบวัตถุประสงค์ในการสร้างอย่างชัดเจน มีการสันนิษฐานหลายประเด็นแตกต่างกันไป แต่ประเด็นที่ดูจะได้รับความเชื่อถือมากที่สุดคือ เป็นสัญลักษณ์ถึงอวัยวะเพศหญิง เป็นสถานที่สำหรับการทำพิธีกรรมทางศาสนาของชนกลุ่มที่นับถือลัทธิดรูอิด รองลงมาคือความเชื่อที่ระบุว่า เป็นการสร้างเพื่อหวังผลทางดาราศาสตร์ ใช้ในการสังเกตปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า เช่นสุริยุปราคา เป็นต้น

สโตนเฮนจ์ได้ถูกจัดให้เป็นเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางอีกด้วย